หากคุณกำลังเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ หนึ่งในหัวข้อสำคัญที่คุณต้องเข้าใจก็คือเรื่องของ คำกริยาแบบ Regular และ Irregular เพราะเป็นพื้นฐานของการพูดถึงเหตุการณ์ในอดีต รวมถึงการสร้างประโยคในหลายโครงสร้าง เช่น Past Simple, Present Perfect และอื่น ๆ
บทความนี้จะอธิบายอย่างละเอียดว่า Regular Verbs คืออะไร และ Irregular Verbs คืออะไร พร้อมตารางตัวอย่าง และเทคนิคจำง่ายที่ช่วยให้คุณเรียนรู้ได้ไวขึ้น เหมาะสำหรับทั้งผู้เริ่มต้น และผู้ที่ต้องการทบทวนความเข้าใจ

Regular Verbs คืออะไร?
Regular Verbs หรือ คำกริยาปกติ คือคำกริยาที่มีรูปแบบการเปลี่ยนไปเป็นอดีตกาลและ Past Participle (ช่องที่ 3) ด้วยการ เติม -ed หรือ -d ที่ท้ายคำ
🔸 กฎการเติม -ed เบื้องต้น
-
คำกริยาที่ลงท้ายด้วย e → เติมแค่ -d
เช่น: love → loved, smile → smiled
-
คำกริยาที่ลงท้ายด้วย พยัญชนะ + y → เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม -ed
เช่น: cry → cried, study → studied
🔸 ตัวอย่างคำกริยาแบบ Regular
คำกริยา (ช่องที่ 1) |
ช่องที่ 2 (Past Simple) |
ช่องที่ 3 (Past Participle) |
ความหมาย |
walk |
walked |
walked |
เดิน |
play |
played |
played |
เล่น |
love |
loved |
loved |
รัก |
clean |
cleaned |
cleaned |
ทำความสะอาด |
Irregular Verbs คืออะไร?
Irregular Verbs หรือ คำกริยาไม่ปกติ คือคำกริยาที่ ไม่สามารถเติม -ed เพื่อสร้างรูปอดีตได้ เนื่องจากรูปของคำจะเปลี่ยนไปโดยไม่มีรูปแบบแน่นอน
❗หมายเหตุ:
- Irregular verbs ไม่มีหลักการตายตัว ต้อง ท่องจำ เท่านั้น
- คำบางคำ ช่องที่ 2 และ 3 อาจจะ เหมือนกัน หรือ ไม่เหมือนกันเลย
🔸 ตัวอย่างคำกริยาแบบ Irregular
คำกริยา (ช่องที่ 1) |
ช่องที่ 2 (Past Simple) |
ช่องที่ 3 (Past Participle) |
ความหมาย |
go | went | gone | ไป |
eat | ate | eaten | กิน |
see | saw | seen | เห็น |
buy | bought | bought | ซื้อ |
write | wrote | written | เขียน |
เทคนิคจำคำกริยา 3 ช่องแบบง่าย ๆ
-
จำเป็นกลุ่ม เช่น กลุ่มที่ ช่อง 2 และ 3 เหมือนกัน
- buy → bought → bought
- bring → brought → brought - ใช้ Flashcards หรือแอปช่วยจำ เช่น Quizlet
- ฝึกแต่งประโยคจริงในชีวิตประจำวัน เพื่อใช้งานจริง
- อ่านหรือฟังภาษาอังกฤษบ่อย ๆ จะช่วยให้จำได้โดยธรรมชาติ
หากต้องการตัวอย่างเพิ่มเติม หรืออยากรู้เกี่ยวกับ กริยา 3 ช่องที่ใช้บ่อย สามารถอ่านเพิ่มเติมได้เลยที่ รวม 100 คำ กริยา 3 ช่องที่ใช้บ่อย
Regular และ Irregular Verbs ต่างกันอย่างไร?
ความยากในการจำ ง่าย (ตามกฎตายตัว) ยาก (ต้องท่องจำ) ตัวอย่าง play → played go → went → gone
คุณลักษณะ |
Regular Verbs |
Irregular Verbs |
การเปลี่ยนรูป |
ติม -ed หรือ -d |
เปลี่ยนรูปแบบเฉพาะตัว |
ความยากในการจำ |
ง่าย (ตามกฎตายตัว) |
ยาก (ต้องท่องจำ) |
ตัวอย่าง |
play → played → played |
go → went → gone |
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: Regular Verbs มีกี่คำ?
A: มีหลายพันคำ ส่วนใหญ่ในภาษาอังกฤษเป็น Regular Verbs
Q: Irregular Verbs มีกี่คำ?
A: โดยทั่วไปแล้วมีประมาณ 200–250 คำ ที่ใช้บ่อยในภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ซึ่งเพียงพอสำหรับการสนทนาและการเขียนทั่วไป ส่วนคำที่ไม่ค่อยใช้สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมภายหลังได้ หากคุณสนใจ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ รวม 250 คำ Irregular Verbs ที่มาพร้อมกับคำอ่านและคำแปล
Q: Irregular Verbs ต้องจำทั้งหมดไหม?
A: ไม่จำเป็นต้องจำทุกคำ เริ่มจากคำที่ใช้บ่อยก่อน เช่น go, do, eat, see ฯลฯ
Q: มีเทคนิคไหนช่วยให้จำ Irregular Verbs ได้ง่าย?
A: ใช้ Flashcards, ฝึกแต่งประโยค, และท่องเป็นกลุ่ม จะช่วยได้มากค่ะ
สรุปส่งท้าย
การเรียนรู้เรื่อง Regular และ Irregular Verbs เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการใช้ภาษาอังกฤษอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะในการเล่าเหตุการณ์ในอดีต หากคุณเข้าใจหลักการเปลี่ยนรูปของคำกริยา และฝึกใช้งานบ่อย ๆ คุณจะสามารถใช้ภาษาได้อย่างมั่นใจและเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น

Perona