Prepositions of Time คำบุพบทบอกเวลา เข้าใจง่าย

เวลาเราจะนัดเพื่อน เล่าเรื่องที่ผ่านมา หรือบอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เคยรู้สึกไหมว่า… เอ๊ะ จะใช้คำว่า in, on, หรือ at ยังไงดีนะ? หรือคำอย่าง before, since, until มันต่างกันตรงไหน? บทความนี้เราได้เตรียมข้อมูลมาติวให้กับเพื่อน ๆ แบบเข้าใจง่าย พร้อมตัวอย่างและเทคนิคช่วยจำแบบไม่ต้องท่องให้ปวดหัว ถ้าอยากพูดหรือเขียนเกี่ยวกับ “เวลา” ให้เป๊ะขึ้น ลองอ่านบทความนี้กันค่ะ

ความหมายของ Prepositions of Time คืออะไร?

คำจำกัดความของ Prepositions of Time

Prepositions of Time คือ คำบุพบท (Preposition) ที่ใช้เพื่อแสดงความสัมพันธ์ของเวลา ระหว่างเหตุการณ์กับจุดเวลา ตัวอย่างคำที่พบบ่อย ได้แก่ “in”, “on”, “at” ซึ่งมีการใช้งานที่แตกต่างกันตามบริบท

คำอ่านและคำแปล

• Preposition (เพรพ-โพ-ซิ-ชั่น) = คำบุพบท

• Time (ไทม์) = เวลา

• Relationship (ริ-เล-ชั่น-ชิพ) = ความสัมพันธ์

ความสำคัญของการใช้ Prepositions of Time อย่างถูกต้อง

การใช้คำบุพบทบอกเวลาอย่างถูกต้องจะช่วยให้ประโยคชัดเจน และสามารถสื่อสารได้เข้าใจง่าย โดยเฉพาะในการพูดคุยเรื่องนัดหมาย ตารางเวลา หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ มักใช้ในการสนทนา การเขียน และการทำข้อสอบ และยังช่วยให้ข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับเวลา

ตัวอย่าง

• I have a meeting at 3 PM. (ฉันมีประชุมตอนบ่ายสาม)

• The project started in June. (โปรเจกต์เริ่มในเดือนมิถุนายน)

การใช้ “in”, “on”, และ “at” ในการบอกเวลา

การใช้ “in” (อิน)  ใช้กับเวลาแบบทั่วไปหรือช่วงยาว

ใช้กับ

• เดือน เช่น in January (ในเดือนมกราคม)

• ปี เช่น in 2023 (ในปี 2023)

• ช่วงเวลา เช่น in the morning (ในตอนเช้า)

ตารางการใช้งาน “in”

การใช้ “on” (ออน) ใช้กับวันหรือวันที่เฉพาะเจาะจง

ใช้กับ

• วันที่ เช่น on Monday (ในวันจันทร์)

• วันที่แบบเต็ม เช่น on June 5th (ในวันที่ 5 มิถุนายน)

• วันหยุดที่มีคำว่า “day”เช่น on Christmas Day (ในวันคริสต์มาส)

ตารางการใช้งาน “on”

การใช้ “at” (แอท) – ใช้กับเวลาที่เฉพาะเจาะจง

ใช้กับ

• เวลา เช่น  at 5 o’clock (ตอนห้าโมง)

• ช่วงสั้นๆ เช่น  at noon (ตอนเที่ยง), at night (ตอนกลางคืน)

ตารางการใช้งาน “at”

เทคนิคการจำ

• “in” = ช่วงเวลา, เดือน, ปี

• “on” = วัน, วันที่เฉพาะ

• “at” = เวลาเฉพาะ, ตอน

คำบุพบทบอกเวลาอื่นๆ ที่พบบ่อย

คำบุพบทที่ใช้ในสถานการณ์เฉพาะ

แม้ว่า “in”, “on”, “at” จะเป็นคำหลัก แต่ยังมีคำบุพบทบอกเวลาอื่น ๆ ที่ใช้งานบ่อย ได้แก่

• before (บิ-ฟอร์) = ก่อน

• after (แอฟ-เทอร์) = หลังจาก

• since (ซินซ์) = ตั้งแต่

• by (บาย) = ภายใน, ก่อนเวลา

• until / till (อัน-ทิล / ทิล) = จนกระทั่ง

• during (ดู-ริง) = ระหว่าง

• from…to… (ฟรอม...ทู...) = จาก...ถึง...

ตัวอย่างการใช้คำบุพบทในประโยค

• I studied before dinner. (ฉันอ่านหนังสือก่อนอาหารเย็น)

• She has worked here since 2010. (เธอทำงานที่นี่ตั้งแต่ปี 2010)

• We will finish the task by 6 PM. (เราจะทำงานเสร็จก่อนหกโมงเย็น)

ตารางสรุปคำบุพบทบอกเวลาเพิ่มเติม

เทคนิคการจำคำบุพบทบอกเวลาเพิ่มเติม

• จำคำที่ใช้บ่อยและตัวอย่างประโยค

• สังเกตบริบทว่าใช้กับเวลาแบบใด

• ฝึกใช้ในประโยคเพื่อจำแม่น

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Prepositions of Time

Q: คำว่า “on time” กับ “in time” ต่างกันอย่างไร?
A: “on time” = ตรงเวลา, “in time” = ทันเวลา (ก่อนเวลานิดหน่อย)

Q: จะเลือกใช้ “in”, “on”, หรือ “at” อย่างไรดี?
A: ดูจากประเภทของเวลา เช่น วัน = on, เวลาเฉพาะ = at, ช่วงยาว = in

Q: “since” กับ “for” ใช้ต่างกันไหม?
A: ใช่ “since” = ตั้งแต่ + จุดเวลา, “for” = เป็นเวลา + ระยะเวลา

สรุปท้ายบท

Prepositions of Time คือคำที่ใช้บอกความสัมพันธ์ทางเวลาในประโยค ซึ่งประกอบไปด้วยคำพื้นฐานอย่าง in, on, at รวมถึงคำอื่น ๆ อย่าง before, after, since, by, during, until, from…to… ที่ควรรู้ไว้ การเข้าใจและใช้งานได้ถูกต้องจะช่วยให้การสื่อสารทั้งพูดและเขียน ชัดเจนและเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้นนะคะ