Conjunction คืออะไร?

Conjunction หรือ "คำสันธาน" คือคำที่ใช้เชื่อมคำ วลี หรือประโยคเข้าด้วยกัน ทำให้ประโยคสมบูรณ์และมีความหมายที่เชื่อมโยงต่อเนื่องกัน การเรียนรู้คำสันธานเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้พูดหรือเขียนภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประเภทของ Conjunction (Types of Conjunctions)

Coordinating Conjunctions (คำสันธานประสาน)

• ใช้เชื่อมคำหรือประโยคที่มีความสำคัญเท่ากัน

• ตัวอย่างคำ: for, and, nor, but, or, yet, so (FANBOYS)

ตัวอย่างประโยค:

• I like tea and coffee. (ฉันชอบชาและกาแฟ)

• He tried hard, but he failed. (เขาพยายามอย่างมาก แต่เขาก็ล้มเหลว)

Subordinating Conjunctions (คำสันธานรอง)

• ใช้เชื่อมประโยคหลักกับประโยครอง

• ตัวอย่างคำ: because, although, if, when, since, unless, while

ตัวอย่างประโยค:

• I stayed home because it was raining. (ฉันอยู่บ้านเพราะฝนตก)

• Although he is rich, he is not happy. (แม้ว่าเขารวย เขาก็ไม่สุข)

Correlative Conjunctions (คำสันธานที่ใช้เป็นคู่)

• ใช้คำจับคู่เพื่อเชื่อมสองส่วนของประโยค

• ตัวอย่างคำ: either...or, neither...nor, not only...but also, both...and

ตัวอย่างประโยค:

• Either you start studying now or you’ll fail the exam. (คุณต้องเริ่มเรียนตอนนี้ไม่งั้นคุณจะสอบตก)

• Both my mom and my dad are teachers. (ทั้งพ่อและแม่ของฉันเป็นครู)

ตารางสรุปประเภทของคำสันธาน:

เทคนิคการจำและการใช้ Conjunction อย่างแม่นยำ

วิธีจำ FANBOYS อย่างง่าย

• F - For

• A - And

• N - Nor

• B - But

• O - Or

• Y - Yet

• S - So

เทคนิค:

• เขียน FANBOYS ติดไว้ใกล้โต๊ะเรียน

• ฝึกแต่งประโยคจากคำเหล่านี้ทุกวัน

ข้อควรระวังในการใช้คำสันธาน

• อย่าใช้คำสันธานซ้อนกันในประโยคเดียวกันโดยไม่จำเป็น

• ตรวจสอบโครงสร้างประโยคให้ถูกต้อง เช่น

  • ❌ Because I was tired, so I went to bed.

  • ✅ Because I was tired, I went to bed.

ฝึกเขียนประโยคที่มี Conjunction

• เขียนอย่างน้อยวันละ 5 ประโยค โดยใช้คำสันธานแตกต่างกัน

• ตรวจคำแปลไทยเพื่อความเข้าใจลึกซึ้ง

ตัวอย่างบทสนทนาใช้ Conjunction ในชีวิตจริง

สถานการณ์ระหว่างเพื่อน

A: I want to go to the beach, but it’s raining.
B: Yeah, we can go tomorrow if the weather is better.

คำแปล:
A: ฉันอยากไปชายหาดนะ แต่ฝนตก
B: ใช่ พรุ่งนี้ก็ได้ ถ้าอากาศดีขึ้น

การวางแผนการเดินทาง

A: We can travel by car or take the train.
B: Let’s drive because it’s more flexible.

คำแปล:
A: เราจะขับรถไปหรือขึ้นรถไฟก็ได้
B: ขับรถดีกว่า เพราะยืดหยุ่นมากกว่า

การเลือกเมนูอาหาร

A: Should we get pizza or pasta for dinner?
B: How about both? I’m really hungry.

คำแปล:
A: มื้อเย็นเราจะกินพิซซ่าหรือพาสต้าดี?
B: เอาทั้งสองเลยดีไหม? ฉันหิวมากเลย

การทำงานกลุ่มในห้องเรียน

A: I can write the introduction, and you can do the conclusion.
B: Great idea! Let’s finish it by tonight.

คำแปล:
A: ฉันเขียนบทนำได้นะ แล้วเธอเขียนบทสรุป
B: ไอเดียดี! ทำให้เสร็จคืนนี้เลยนะ

การพูดถึงสุขภาพ

A: I try to exercise every day because I want to stay healthy.
B: That’s good! I need to start doing that too.

คำแปล:
A: ฉันพยายามออกกำลังกายทุกวัน เพราะอยากสุขภาพดี
B: ดีเลย! ฉันก็ควรเริ่มทำบ้างแล้วล่ะ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Conjunction (Q&A)

Q: ใช้ and กับ but ในประโยคเดียวกันได้ไหม?
A: ได้ ถ้าประโยคมีหลายส่วน เช่น I like coffee and tea, but not juice.

Q: คำว่า "however" เป็น conjunction หรือไม่?
A: ไม่ใช่ conjunction แต่เป็น adverb ที่ใช้แสดงความขัดแย้ง คล้าย but

Q: ทำไมต้องเรียน conjunction?
A: เพราะคำสันธานช่วยให้การพูดและเขียนภาษาอังกฤษมีความต่อเนื่องและเข้าใจง่ายขึ้น

สรุป

การใช้ Conjunction อย่างถูกต้องไม่เพียงช่วยให้ภาษาอังกฤษของคุณดูเป็นธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังทำให้สามารถสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย คำสันธานมีหลากหลายประเภท ทั้งแบบประสาน แบบรอง และแบบจับคู่ ซึ่งเมื่อเรียนรู้และฝึกใช้อย่างต่อเนื่องจะกลายเป็นทักษะติดตัวในระยะยาว

อย่าลืมฝึกแต่งประโยค และนำ Conjunction ไปใช้ในการสนทนาในชีวิตประจำวัน เพื่อความชำนาญและมั่นใจยิ่งขึ้น