ในภาษาอังกฤษ การพูดถึงสิ่งของหรือคนเพียงหนึ่งอย่างนั้นง่าย แต่เมื่อคุณต้องสื่อถึง “มากกว่าหนึ่ง” การใช้ Plural Nouns (คำนามพหูพจน์) อย่างถูกต้องจะกลายเป็นเรื่องสำคัญทันที เพราะมันส่งผลต่อความถูกต้องของไวยากรณ์ ความชัดเจนในการสื่อสาร และความน่าเชื่อถือในทั้งการเขียนและการพูด
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจ Plural Nouns อย่างเป็นระบบ เริ่มจากความหมายและความสำคัญ กฎการเติม s / es ตารางคำตัวอย่าง ทั้งคำที่เปลี่ยนรูป ข้อยกเว้น และตัวอย่างประโยคและบทสนทนา พร้อมเทคนิคจำง่ายและ Q&A ที่คนมักเข้าใจผิดบ่อยที่สุด หากคุณกำลังเตรียมสอบภาษาอังกฤษ เขียน Essay หรือแค่อยากสื่อสารให้มืออาชีพขึ้น บทความนี้คือจุดเริ่มต้นที่คุณไม่ควรพลาด!
Plural Nouns คืออะไร และทำไมถึงสำคัญในภาษาอังกฤษ
ความหมายของ Plural Nouns
Plural Nouns (คำนามพหูพจน์) คือคำนามที่ใช้เรียกสิ่งของหรือคนมากกว่าหนึ่ง เช่น:
"dogs" = สุนัขหลายตัว (จาก dog + s)
"cars" = รถหลายคัน
"people" = ผู้คน (รูปพหูพจน์ของ person)
"children" = เด็กหลายคน (จาก child)
สรุป: คำนามพหูพจน์ในภาษาอังกฤษใช้เพื่อแสดงว่า มีมากกว่าหนึ่งสิ่งหรือหนึ่งบุคคลที่กล่าวถึงในประโยค
ความสำคัญของการใช้คำนามพหูพจน์ Plural Nouns
การใช้ Plural Nouns อย่างถูกต้องมีความสำคัญทั้งในการสื่อสารประจำวันและทางวิชาการ เพราะว่า:
เพิ่มความถูกต้องทางไวยากรณ์: เช่น หากคุณพูดว่า “Two dog is barking” ถือว่าผิด ควรเป็น “Two dogs are barking”
ช่วยให้การสื่อสารชัดเจนขึ้น: เมื่อคุณใช้พหูพจน์ถูกต้อง ผู้ฟังหรือผู้อ่านจะเข้าใจได้ชัดว่าคุณหมายถึงมากกว่าหนึ่ง
จำเป็นต่อการเขียนเชิงวิชาการ: ในข้อสอบภาษาอังกฤษเช่น TOEFL, IELTS, หรือในการเขียนอีเมลธุรกิจ การใช้คำนามให้ถูกต้องถือเป็นพื้นฐานสำคัญ
ตัวอย่างเปรียบเทียบ:
ประโยค | ความหมาย | ถูกต้องหรือไม่ |
---|---|---|
She has three cat. | เธอมีแมวสามตัว | ❌ ผิด: ไม่เติม -s |
She has three cats. | เธอมีแมวสามตัว | ✅ ถูกต้อง |
The child are happy. | เด็กมีความสุข | ❌ ผิด: child เป็นเอกพจน์ ไม่ใช้กับ are |
The children are happy. | เด็ก ๆ มีความสุข | ✅ ถูกต้อง |
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การใช้ is am are (Verb to be)
ในชีวิตจริง:
ถ้าคุณทำงานหรือเรียนในต่างประเทศ ความผิดพลาดเรื่องพหูพจน์อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด หรือทำให้ดูไม่เป็นมืออาชีพ
การเขียน Essay หรือ Email ที่ถูกต้องจะช่วยให้คะแนนของคุณสูงขึ้น และสื่อสารได้ดีขึ้น
Tip:
ฝึกจำคำนามที่ใช้บ่อยเป็นพหูพจน์ เช่น: people, children, men, women, mice, teeth
หมั่นฝึกอ่านและฟังภาษาอังกฤษเพื่อจับ Collocation ของคำนามพหูพจน์กับกริยาให้ชิน
กฎการเปลี่ยนคำนามเอกพจน์เป็นพหูพจน์
การเติม -s และ -es
รูปเอกพจน์ | รูปพหูพจน์ | คำแปล |
---|---|---|
book | books | หนังสือหลายเล่ม |
class | classes | ชั้นเรียนหลายห้อง |
bus | buses | รถบัสหลายคัน |
เติม -s กับคำนามทั่วไป: pen → pens, table → tables
เติม -es ถ้าคำนามลงท้ายด้วย s, x, z, ch, sh: box → boxes, dish → dishes
การเปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม -es
ถ้าหน้าตัว y เป็นพยัญชนะ เช่น:
baby → babies (ทารก)
city → cities (เมือง)
ถ้าหน้าตัว y เป็นสระ (a, e, i, o, u) ให้เติม s ปกติ:
toy → toys (ของเล่น)
boy → boys (เด็กผู้ชาย)
คำลงท้ายด้วย -f หรือ -fe เปลี่ยนเป็น -ves
รูปเอกพจน์ | รูปพหูพจน์ | คำแปล |
knife | knives | มีดหลายเล่ม |
leaf | leaves | ใบไม้หลายใบ |
wife | wives | ภรรยาหลายคน |
หมายเหตุ: บางคำเติม s ปกติ เช่น: belief → beliefs, roof → roofs
คำนามที่เปลี่ยนรูปเมื่อเป็นพหูพจน์
คำที่เปลี่ยนรูปโดยไม่เติม s หรือ es
รูปเอกพจน์ | รูปพหูพจน์ | คำแปล |
man | men | ผู้ชายหลายคน |
woman | women | ผู้หญิงหลายคน |
child | children | เด็กหลายคน |
foot | feet | เท้าหลายข้าง |
mouse | mice | หนูหลายตัว |
คำที่เหมือนกันทั้งเอกพจน์และพหูพจน์
คำ | ใช้ได้ทั้งเอกพจน์และพหูพจน์ | คำแปล |
sheep | sheep | แกะ |
deer | deer | กวาง |
fish | fish (หรือ fishes) | ปลา (หลายตัว) |
fish = ปลา (ทั่วไป), fishes = หลายสายพันธุ์
คำนามพหูพจน์ที่ใช้เฉพาะรูปพหูพจน์เท่านั้น
คำที่ไม่มีรูปเอกพจน์
คำ | คำแปล |
clothes | เสื้อผ้า |
scissors | กรรไกร |
trousers | กางเกง |
sunglasses | แว่นกันแดด |
คำเหล่านี้มักใช้กับกริยาพหูพจน์ เช่น:
These scissors are sharp. (กรรไกรอันนี้คม)
My clothes are dirty. (เสื้อผ้าของฉันสกปรก)
คำนามกลุ่มคำที่ดูเป็นพหูพจน์แต่ใช้เป็นเอกพจน์
คำ | ความหมาย | ใช้กับกริยา |
news | ข่าว | เอกพจน์ |
mathematics | คณิตศาสตร์ | เอกพจน์ |
politics | การเมือง | เอกพจน์ |
ตัวอย่างประโยคและบทสนทนาเกี่ยวกับ Plural Nouns
ประโยคตัวอย่าง
I have two dogs and three cats. (ฉันมีสุนัขสองตัวและแมวสามตัว)
Children usually love to play. (เด็ก ๆ มักจะชอบเล่น)
The leaves are falling from the trees. (ใบไม้กำลังร่วงจากต้นไม้)
ตัวอย่างบทสนทนา
บทสนทนาในห้องเรียน (In the Classroom)
A: Do you have any books about space?
A: คุณมีหนังสือเกี่ยวกับอวกาศไหม?
B: Yes, I have three science books.
B: มีสิ! ฉันมีหนังสือวิทยาศาสตร์อยู่สามเล่ม
A: Why are there so many people in the hall?
A: ทำไมมีคนเยอะจังในห้องโถง?
B: There's a conference today.
B: วันนี้มีการประชุม/สัมมนา
บทสนทนาในชีวิตประจำวัน (In Daily Life)
A: I bought new shoes yesterday.
A: ฉันซื้อรองเท้าใหม่เมื่อวานนี้
B: Cool! I need new sneakers too.
B: เท่เลย! ฉันก็ต้องการรองเท้าผ้าใบคู่ใหม่เหมือนกัน
A: Where are my glasses?
A: แว่นตาของฉันอยู่ไหน?
B: They're on the table.
B: มันอยู่บนโต๊ะนั่นแหละ
Q&A และเทคนิคการใช้ Plural Nouns อย่างถูกต้อง
คำถามที่พบบ่อย
Q: คำว่า "information" มีพหูพจน์หรือไม่?
A: ไม่มี "informations" คำนี้ใช้เป็นเอกพจน์เท่านั้น เช่น "The information is useful."
Q: จะรู้ได้อย่างไรว่าคำไหนเติม s หรือเปลี่ยนรูป?
A: ต้องศึกษาจากตัวอย่างและฝึกใช้บ่อย ๆ หรือดูจากพจนานุกรมที่ระบุรูปพหูพจน์ไว้
เทคนิคจำง่าย
สร้าง Flashcard คู่คำ เช่น:
child ↔ children
foot ↔ feet
ฝึกพูดเป็นประโยค เช่น:
My feet hurt. (เท้าของฉันเจ็บ)
ฟัง Podcast หรือดูซีรีส์ แล้วจดคำนามพหูพจน์
สรุป
การเข้าใจและใช้ Plural Nouns อย่างถูกต้องคือทักษะพื้นฐานที่สำคัญมากของการเรียนภาษาอังกฤษ เพราะส่งผลต่อทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน และการสอบ การรู้กฎเบื้องต้น ตารางตัวอย่าง คำที่เปลี่ยนรูป และการฝึกใช้ในชีวิตจริงจะทำให้คุณสามารถสื่อสารได้อย่างถูกต้องและมั่นใจมากยิ่งขึ้น

Sea