
ความสำคัญของการฟังภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน
ทำไมการฟังจึงเป็นทักษะพื้นฐานของภาษาอังกฤษ
การฟัง (Listening) ถือเป็นหนึ่งในทักษะหลักของภาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาใดก็ตาม ทักษะนี้สำคัญมากในการสื่อสาร เพราะก่อนที่เราจะพูดหรือโต้ตอบได้ เราจำเป็นต้องเข้าใจก่อนว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไร
ตัวอย่าง
Listening before speaking = ฟังก่อนพูด (ลิสเทินนิง บีฟอร์ สปีคิง)
Comprehension is the key = ความเข้าใจคือกุญแจสำคัญ (คอมพรีเฮนชัน อีส เดอะ คีย์)
ประโยชน์ของการฝึกฟังในชีวิตประจำวัน
ช่วยให้เข้าใจบทสนทนาได้ดีขึ้น
เพิ่มความมั่นใจในการพูดโต้ตอบ
พัฒนา Accent และ Intonation อย่างเป็นธรรมชาติ
เข้าใจคำศัพท์ในบริบทจริง
ประโยชน์ของการฟัง vs ทักษะที่พัฒนา
ประโยชน์ (Benefit) | ทักษะที่พัฒนา (Skill Improved) |
---|---|
เข้าใจสำเนียงต่าง ๆ | Listening Comprehension (ความเข้าใจในการฟัง) |
เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ | Vocabulary Acquisition (การเรียนรู้คำศัพท์) |
ฟังแล้วตอบกลับได้คล่อง | Speaking Fluency (การพูดคล่องแคล่ว) |
Tips
ใช้การฟังเป็นเครื่องมือหลักในการเรียนรู้ภาษา
ควรฝึกทุกวัน อย่างน้อยวันละ 15-30 นาที
ใช้สื่อที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มความคุ้นเคยกับสำเนียง
วิธีเลือกสื่อฝึกฟังภาษาอังกฤษให้เหมาะกับตัวเอง
สื่อสำหรับผู้เริ่มต้น (Beginner Level)
English cartoons (การ์ตูนภาษาอังกฤษ)
YouTube channels for English learners (ช่องยูทูบสำหรับผู้เรียน)
Podcasts with slow speech (พอดแคสต์พูดช้า)
ตัวอย่าง
BBC Learning English (บีบีซี เลินนิง อิงลิช) – ช่องฝึกฟังฟรีที่เข้าใจง่าย
Elllo.org (เอลโล ดอท ออร์ก) – แหล่งฝึกฟังหลากหลายสำเนียง
สื่อสำหรับระดับกลาง-สูง (Intermediate to Advanced)
TED Talks (เท็ด ทอล์คส์)
Netflix with English subtitles (เน็ตฟลิกซ์พร้อมซับภาษาอังกฤษ)
Real-life conversation audios (เสียงสนทนาจริง)
Tips
เลือกสื่อที่คุณสนใจ เช่น หนัง เพลง หรือพอดแคสต์ที่เกี่ยวข้องกับงานอดิเรก
ใช้ซับไตเติลภาษาอังกฤษช่วงแรก แล้วค่อยตัดออกในระยะหลัง
เรียนรู้สำเนียงที่หลากหลาย เช่น American, British, Australian
เทคนิคฝึกฟังให้เก่งขึ้นทุกวันแบบไม่เบื่อ
Shadowing Technique (การฝึกพูดตามเสียง)
ฟังวลีหรือประโยคจากต้นฉบับ แล้วพูดตามทันที
ช่วยพัฒนาทั้งการฟังและการออกเสียงไปพร้อมกัน
ตัวอย่าง
ฟังว่า “How are you doing today?” แล้วพูดตามทันทีแบบไม่หยุด
Dictation Practice (การฝึกเขียนตามเสียง)
ฟังประโยคแล้วเขียนลงกระดาษ หรือพิมพ์ตามที่ได้ยิน
ช่วยเรื่องความแม่นยำในการฟังคำศัพท์และแกรมมาร์
Listening Journal (ไดอารี่การฟัง)
บันทึกสิ่งที่ได้เรียนรู้ในแต่ละวัน เช่น คำศัพท์ วลี หรือข้อสงสัย
เป็นการทบทวนสิ่งที่ได้ฟังอย่างมีระบบ
Tips
ใช้เวลาอย่างน้อยวันละ 15-30 นาที
ฝึกกับสื่อที่มี script ให้ตรวจสอบคำได้
ค่อย ๆ ปรับระดับความยากให้สูงขึ้นเมื่อชิน
คำศัพท์และวลีที่ควรรู้เมื่อฝึกฟังภาษาอังกฤษ
คำศัพท์พื้นฐานที่พบบ่อย
คำศัพท์ (Vocabulary) | คำอ่าน (Pronunciation) | ความหมาย (Meaning) |
hello | เฮลโล | สวัสดี |
excuse me | เอ็กซ์คิ้วส์ มี | ขอโทษครับ/ค่ะ (ขัดจังหวะ) |
I don’t understand | ไอ ด้อนท์ อันเดอร์สแทนด์ | ฉันไม่เข้าใจ |
thank you | แธงค์ ยู | ขอบคุณ |
you’re welcome | ยัวร์ เวลคัม | ยินดีครับ/ค่ะ |
how much is it? | ฮาว มัช อิส อิท | มันราคาเท่าไหร่ |
what time is it? | วอท ไทม์ อิส อิท | ตอนนี้กี่โมง |
I’m sorry | ไอม์ ซอรี่ | ขอโทษครับ/ค่ะ |
where is the toilet? | แวร์ อิส เดอะ ทอยเล็ท | ห้องน้ำอยู่ที่ไหน |
I’m learning English | ไอม์ เลินนิง อิงลิช | ฉันกำลังเรียนภาษาอังกฤษ |
วลีสนทนาที่ได้ยินบ่อยในการฟังทั่วไป
วลี (Phrase) | คำอ่าน (Pronunciation) | ความหมาย (Meaning) |
What do you mean? | วอท ดู ยู มีน? | หมายความว่าอะไร? |
Can you say that again? | แคน ยู เซย์ แดท อะเกน? | พูดอีกครั้งได้ไหม? |
Sorry, I missed that. | ซอรี่ ไอ มิส แดท | ขอโทษ ฉันฟังไม่ทัน |
Could you speak more slowly? | คูด ยู สปีค มอร์ สโลลี่? | ช่วยพูดช้าลงหน่อยได้ไหม? |
I’m not sure I understand. | ไอม์ น็อท ชัวร์ ไอ อันเดอร์สแทนด์ | ฉันไม่แน่ใจว่าฉันเข้าใจไหม |
That makes sense. | แดท เมคส์ เซนส์ | อ๋อ เข้าใจแล้ว |
I didn’t catch that. | ไอ ดิดเดิน แคช แดท | ฉันฟังไม่ทัน (จับคำไม่ทัน) |
What does that mean? | วอท ดัส แดท มีน? | นั่นแปลว่าอะไร? |
Let me repeat that. | เลท มี รีพีท แดท | ขอฉันทวนให้อีกครั้ง |
Could you repeat that, please? | คูด ยู รีพีท แดท พลีส? | ช่วยพูดอีกครั้งได้ไหมครับ/คะ |
Tips
จดคำศัพท์และวลีใหม่ ๆ ทุกครั้งที่ฟัง
ทบทวนคำศัพท์ที่ได้ยินซ้ำในหลายบริบท
สร้างแฟลชการ์ดคำศัพท์จากสิ่งที่ได้ฟัง
คำถามที่พบบ่อย (Q&A) เกี่ยวกับการฝึกฟังภาษาอังกฤษ
Q: ถ้าฟังไม่ออกเลย ควรเริ่มต้นยังไง?
A: เริ่มจากการฟังสิ่งที่คุณคุ้นเคยก่อน เช่น เพลง หรือคลิปการ์ตูน แล้วเปิดซับไตเติลภาษาอังกฤษเพื่อช่วยให้เข้าใจ เมื่อเริ่มชินจึงค่อยตัดซับไตเติลออก
Q: ต้องฝึกวันละกี่นาทีถึงจะเห็นผล?
A: ควรฝึกวันละ 15-30 นาทีอย่างสม่ำเสมอ มากกว่าฝึกหนักวันเดียวแล้วหยุดไปหลายวัน ความสม่ำเสมอสำคัญที่สุด
Q: ควรใช้สำเนียงไหนเป็นหลัก?
A: ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของคุณ ถ้าคุณจะทำงานกับชาวอเมริกัน ให้เน้น American English แต่ถ้าต้องสอบ IELTS หรือ TOEFL British English ก็สำคัญ
สรุปท้ายบทความ
การฝึกฟังภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณมีแนวทางและวางแผนอย่างถูกต้อง เลือกสื่อที่เหมาะกับระดับของคุณ ตั้งเป้าหมาย และฝึกอย่างสม่ำเสมอ ทุกวันเพียงวันละ 15-30 นาที คุณจะเข้าใจมากขึ้น ฟังได้แม่นยำ และที่สำคัญคือ "สนุก" กับการเรียนรู้ไปในทุกวัน

Sea