สนามบินเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยนักเดินทางจากทั่วโลก ซึ่งสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสนามบินมักจะหลากหลาย ตั้งแต่การสอบถามข้อมูล การหลงทาง การขอความช่วยเหลือ หรือแม้กระทั่งการตามหาของที่หาย หากคุณเป็นนักเดินทางที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ การเตรียมบทสนทนาเหล่านี้ไว้จะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

บทสนทนาที่ 1 : การขอความช่วยเหลือ (Asking for Help)
สถานการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยมาก โดยเฉพาะหากคุณเดินทางไปยังสนามบินที่ไม่คุ้นเคย
ตัวอย่างบทสนทนา:
Traveler: Excuse me, can you help me?
Staff: Sure. What do you need help with?
Traveler: I’m trying to find my gate. I’m flying to Tokyo.
Staff: Let me see your boarding pass. You’re at gate 45, just follow the signs on your right.
คำแปล:
นักเดินทาง: ขอโทษค่ะ ช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ?
เจ้าหน้าที่: ได้แน่นอนครับ/ค่ะ ต้องการความช่วยเหลือเรื่องอะไรหรือครับ/คะ?
นักเดินทาง: ฉันกำลังหาประตูขึ้นเครื่องค่ะ จะไปโตเกียว
เจ้าหน้าที่: ขอเช็คบอร์ดดิ้งพาสหน่อยครับ คุณต้องไปที่ Gate 45 เดินตรงไปตามป้ายทางขวามือครับ
บทสนทนาที่ 2 : หลงทางในสนามบิน (Lost in the Airport)
สนามบินบางแห่งใหญ่มากจนทำให้หลงทางได้ง่าย
ตัวอย่างบทสนทนา:
Traveler: I think I’m lost. I can’t find terminal 2.
Staff: No problem. You’re in terminal 1. Just go upstairs and follow the blue signs.
Traveler: Thank you so much!
Staff: You’re welcome. Safe travels!
คำแปล:
นักเดินทาง: ฉันน่าจะหลงทางค่ะ หาเทอร์มินัล 2 ไม่เจอ
เจ้าหน้าที่: ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้คุณอยู่ที่เทอร์มินัล 1 ขึ้นบันไดแล้วเดินตามป้ายสีน้ำเงินเลยครับ
นักเดินทาง: ขอบคุณมากค่ะ
เจ้าหน้าที่: ยินดีครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ
บทสนทนาที่ 3: ถามทางไปห้องน้ำ (Asking for the Restroom)
สถานการณ์พื้นฐานที่มักเกิดขึ้นกับทุกคน
ตัวอย่างบทสนทนา:
Traveler: Excuse me, where is the nearest restroom?
Staff: It’s just around the corner to your left.
Traveler: Thank you!
Staff: No problem.
คำแปล:
นักเดินทาง: ขอโทษค่ะ ห้องน้ำที่ใกล้ที่สุดอยู่ตรงไหนคะ?
เจ้าหน้าที่: อยู่ตรงหัวมุมทางซ้ายมือเลยครับ
นักเดินทาง: ขอบคุณค่ะ
เจ้าหน้าที่: ไม่เป็นไรครับ
บทสนทนาที่ 4: การเช่ารถที่สนามบิน (Car Rental Conversation)
หลายคนเลือกเช่ารถทันทีที่ลงเครื่อง
ตัวอย่างบทสนทนา:
Traveler: Hi, I’d like to rent a car.
Agent: Sure. Do you have a reservation?
Traveler: No, I don’t. Can I rent one now?
Agent: Absolutely. What kind of car would you like?
Traveler: Something small and economical.
Agent: We have a compact car available. Would you like insurance with that?
Traveler: Yes, please.
คำแปล:
นักเดินทาง: สวัสดีครับ ผมอยากเช่ารถครับ
พนักงาน: ได้ค่ะ คุณมีการจองล่วงหน้าไหมคะ?
นักเดินทาง: ไม่มีครับ ผมเช่าตอนนี้ได้ไหม?
พนักงาน: ได้แน่นอนค่ะ ต้องการรถแบบไหนคะ?
นักเดินทาง: เอาแบบเล็กและประหยัดค่ะ
พนักงาน: ตอนนี้มีรถคอมแพกต์ว่างอยู่ค่ะ ต้องการประกันด้วยไหมคะ?
นักเดินทาง: ต้องการครับ
บทสนทนาที่ 5: ตามหาคนหายหรือหลงกันในสนามบิน (Looking for Someone)
อีกหนึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยเมื่อเดินทางเป็นกลุ่ม
ตัวอย่างบทสนทนา:
Traveler: I’m looking for my sister. We got separated.
Staff: What’s her name?
Traveler: Maria Lopez. She’s about 160 cm tall and wearing a red jacket.
Staff: Let me check if she’s at the information desk.
คำแปล:
นักเดินทาง: ฉันกำลังหาน้องสาวค่ะ เราหลงกัน
เจ้าหน้าที่: ชื่ออะไรครับ
นักเดินทาง: มาเรีย โลเปซ สูงประมาณ 160 เซนติเมตร ใส่เสื้อแจ็คเก็ตสีแดงค่ะ
เจ้าหน้าที่: เดี๋ยวผมขอเช็คที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ให้นะครับ
บทสนทนาที่ 6: สอบถามร้านขายยา (Pharmacy)
บางครั้งต้องซื้อยาหรืออุปกรณ์การแพทย์ก่อนออกเดินทาง
ตัวอย่างบทสนทนา:
Traveler: Hi, is there a pharmacy in the airport?
Staff: Yes, it’s next to gate 10.
Traveler: Thank you. I need to buy some headache pills.
Staff: You can find them there easily.
คำแปล:
นักเดินทาง: สวัสดีค่ะ ในสนามบินมีร้านขายยาหรือเปล่าคะ?
เจ้าหน้าที่: มีครับ อยู่ข้างๆ Gate 10
นักเดินทาง: ขอบคุณค่ะ ฉันต้องการซื้อยาแก้ปวดหัว
เจ้าหน้าที่: ที่ร้านนั้นมีแน่นอนครับ
บทสนทนาที่ 7: การขึ้นรถไปโรงแรม (Getting a Ride to the Hotel)
เมื่อคุณต้องไปโรงแรมหลังจากลงจากเครื่องบิน
ตัวอย่างบทสนทนา:
Traveler: How can I get to the Hilton Hotel from here?
Staff: You can take a taxi or use the shuttle service.
Traveler: Where can I find the shuttle?
Staff: Exit the terminal and go to zone C. Shuttles depart every 20 minutes.
คำแปล:
นักเดินทาง: จากที่นี่ไปโรงแรมฮิลตันไปยังไงคะ?
เจ้าหน้าที่: คุณสามารถขึ้นแท็กซี่หรือรถชัตเทิลก็ได้ครับ
นักเดินทาง: รถชัตเทิลขึ้นที่ไหนคะ?
เจ้าหน้าที่: ออกไปนอกเทอร์มินัล แล้วไปที่โซน C ครับ รถจะออกทุก ๆ 20 นาที
บทสนทนาที่ 8: ถามข้อมูลเที่ยวบิน (Flight Information)
สถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความล่าช้า การเปลี่ยนเกต หรือสอบถามเวลา
ตัวอย่างบทสนทนา:
Traveler: Is flight BA276 to London delayed?
Staff: Let me check... Yes, it’s delayed by one hour due to weather.
Traveler: Oh no! Will I miss my connection?
Staff: Let me check your itinerary.
คำแปล:
นักเดินทาง: เที่ยวบิน BA276 ไปลอนดอนล่าช้าหรือเปล่าคะ?
เจ้าหน้าที่: ขอเช็คก่อนนะครับ... ใช่ครับ ล่าช้าไปหนึ่งชั่วโมงเนื่องจากสภาพอากาศ
นักเดินทาง: แย่จัง! งั้นฉันจะตกเครื่องต่อไหม?
เจ้าหน้าที่: ขอเช็คแผนการเดินทางของคุณก่อนครับ
บทสนทนาที่ 9: การผ่าน ตม. (Immigration)
เป็นด่านสำคัญที่ทุกคนต้องผ่านหลังจากเดินทางระหว่างประเทศ
ตัวอย่างบทสนทนา:
Officer: What is the purpose of your visit?
Traveler: I’m here for a business meeting.
Officer: How long will you stay?
Traveler: Just three days.
Officer: Welcome to the country.
คำแปล:
เจ้าหน้าที่: วัตถุประสงค์ของการเดินทางคืออะไรครับ?
นักเดินทาง: มาเพื่อประชุมธุรกิจค่ะ
เจ้าหน้าที่: จะอยู่กี่วันครับ
นักเดินทาง: แค่สามวันค่ะ
เจ้าหน้าที่: ยินดีต้อนรับครับ
เคล็ดลับสำหรับการใช้ภาษาอังกฤษในสนามบิน
- ใช้คำง่าย ๆ และชัดเจน ไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาซับซ้อน เพียงพูดให้เข้าใจง่าย
- เตรียมเอกสารไว้ล่วงหน้า เช่น พาสปอร์ต บอร์ดดิ้งพาส ใบจองโรงแรม ฯลฯ
- ฝึกประโยคสำคัญก่อนเดินทาง จำประโยคที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางให้ได้ เช่น “Where is the boarding gate?”, “Can I rent a car?”, หรือ “I’m looking for my friend.”
บทสรุป
บทสนทนาในสนามบินเป็นสิ่งที่นักเดินทางทุกคนควรเตรียมตัวไว้ การมีคลังคำศัพท์และประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยในสถานการณ์จริง จะช่วยลดความเครียดในการเดินทาง และเพิ่มความมั่นใจได้อย่างมาก หากคุณกำลังเตรียมตัวไปต่างประเทศ ลองฝึกบทสนทนาเหล่านี้ไว้ล่วงหน้ารับรองว่ามีประโยชน์แน่นอน!

Perona