
ทำความเข้าใจกับ Tenses คืออะไร (What Are English Tenses?)
ความหมายของ Tense
Tense (เทนส์) คือ รูปแบบของคำกริยา (Verb) ที่บอกถึงเวลาในการกระทำ ภาษาอังกฤษมี 12 Tenses หลัก ที่ใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
ทำไมต้องเรียนรู้ Tenses
- เพื่อให้สื่อสารได้ถูกต้องตามเวลา
- เข้าใจบทสนทนาและบทความภาษาอังกฤษได้แม่นยำ
- เป็นพื้นฐานสำคัญของการเขียนและการพูด
การจำแนก Tense ทั้ง 12
แบ่งเป็น 3 ช่วงเวลา
- Past (อดีต)
- Present (ปัจจุบัน)
- Future (อนาคต)
ซึ่งแต่ละช่วงเวลา จะมี 4 รูปแบบ
- Simple (ธรรมดา)
- Continuous / Progressive (กำลังกระทำ)
- Perfect (สมบูรณ์แล้ว)
- Perfect Continuous (กำลังกระทำต่อเนื่องและสมบูรณ์แล้ว)
รวมทั้งหมด เป็น 12 Tenses
ตารางสรุปโครงสร้างของ 12 Tenses ภาษาอังกฤษ
Tense | โครงสร้าง | คำแปล | ตัวอย่างประโยค (คำแปล) |
---|---|---|---|
Present Simple (พรีเซนต์ ซิมเพิล) | Subject + V1 | ปัจจุบันธรรมดา | I play football. (ฉันเล่นฟุตบอล) |
Present Continuous (พรีเซนต์ คอนทินิวอัส) | Subject + am/is/are + V-ing | กำลังกระทำอยู่ตอนนี้ | She is reading a book. (เธอกำลังอ่านหนังสือ) |
Present Perfect (พรีเซนต์ เพอร์เฟกต์) | Subject + has/have + V3 | ทำเสร็จแล้วในอดีตและมีผลปัจจุบัน | They have finished the work. (พวกเขาทำงานเสร็จแล้ว) |
Present Perfect Continuous (พรีเซนต์ เพอร์เฟกต์ คอนทินิวอัส) | Subject + has/have been + V-ing | ทำต่อเนื่องตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน | I have been working since morning. (ฉันทำงานมาตั้งแต่เช้า) |
Past Simple (พาสต์ ซิมเพิล) | Subject + V2 | เกิดในอดีตและจบไปแล้ว | He visited Japan last year. (เขาไปญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว) |
Past Continuous (พาสต์ คอนทินิวอัส) | Subject + was/were + V-ing | กำลังกระทำในอดีตในช่วงเวลาหนึ่ง | They were watching TV at 8 PM. (พวกเขาดูทีวีตอนสองทุ่ม) |
Past Perfect (พาสต์ เพอร์เฟกต์) | Subject + had + V3 | ทำเสร็จก่อนเหตุการณ์อื่นในอดีต | She had left before I arrived. (เธอออกไปก่อนที่ฉันจะมาถึง) |
Past Perfect Continuous (พาสต์ เพอร์เฟกต์ คอนทินิวอัส) | Subject + had been + V-ing | ทำต่อเนื่องก่อนเหตุการณ์หนึ่งในอดีต | I had been studying for 2 hours before dinner. (ฉันอ่านหนังสือมา 2 ชั่วโมงก่อนกินข้าวเย็น) |
Future Simple (ฟิวเจอร์ ซิมเพิล) | Subject + will + V1 | จะทำในอนาคต | We will travel to Paris. (พวกเราจะไปเที่ยวปารีส) |
Future Continuous (ฟิวเจอร์ คอนทินิวอัส) | Subject + will be + V-ing | กำลังกระทำในอนาคตช่วงเวลาหนึ่ง | I will be sleeping at 11 PM. (ฉันจะหลับตอนห้าทุ่ม) |
Future Perfect (ฟิวเจอร์ เพอร์เฟกต์) | Subject + will have + V3 | ทำเสร็จก่อนช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต | She will have completed the report by Friday. (เธอจะทำรายงานเสร็จก่อนวันศุกร์) |
Future Perfect Continuous (ฟิวเจอร์ เพอร์เฟกต์ คอนทินิวอัส) | Subject + will have been + V-ing | ทำต่อเนื่องจนถึงเวลาหนึ่งในอนาคต | They will have been working for 5 years by 2026. (พวกเขาจะทำงานมา 5 ปีภายในปี 2026) |
การใช้งานของแต่ละ Tense อย่างละเอียด (Detailed Usage of Each Tense)
Present Tenses (Tenses ปัจจุบัน)
1. Present Simple (ปัจจุบันธรรมดา)
ใช้เมื่อพูดถึงความจริงทั่วไป หรือเหตุการณ์ที่เกิดเป็นประจำ
Signal Words: always, often, usually, every day
Example: "He goes to school every day." → เขาไปโรงเรียนทุกวัน
2. Present Continuous (กำลังกระทำในปัจจุบัน)
ใช้สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นขณะพูด หรือสถานการณ์ชั่วคราว
Signal Words: now, right now, at the moment
Example: "She is cooking dinner now." → ตอนนี้เธอกำลังทำอาหารเย็น
3. Present Perfect (เกิดขึ้นในอดีตและมีผลถึงปัจจุบัน)
ใช้พูดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น หรือเคยเกิดขึ้นโดยไม่ระบุเวลาแน่ชัด
Signal Words: just, already, yet, ever, never
Example: "I have seen that movie." → ฉันเคยดูหนังเรื่องนั้นแล้ว
4. Present Perfect Continuous (ทำต่อเนื่องถึงปัจจุบัน)
ใช้กับสิ่งที่เริ่มในอดีตและยังคงดำเนินอยู่ในปัจจุบัน
Signal Words: since, for
Example: "They have been living here for 3 years." → พวกเขาอาศัยอยู่ที่นี่มา 3 ปีแล้ว
Past Tenses (Tenses อดีต)
1. Past Simple (อดีตธรรมดา)
ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงแล้วในอดีต
Signal Words: yesterday, last week, in 2000
Example: "I visited my grandma yesterday." → ฉันไปเยี่ยมยายเมื่อวานนี้
2. Past Continuous (กำลังกระทำในอดีต)
ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ในอดีตเมื่อมีอีกเหตุการณ์แทรก
Example: "I was watching TV when the phone rang." → ฉันกำลังดูทีวีตอนที่โทรศัพท์ดัง
3. Past Perfect (เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ในอดีต)
ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์อื่นในอดีต
Example: "She had finished dinner before he arrived." → เธอกินข้าวเสร็จก่อนที่เขามา
4. Past Perfect Continuous (ทำต่อเนื่องก่อนจุดใดในอดีต)
Example: "He had been working all day before he rested." → เขาทำงานมาทั้งวันก่อนจะพัก
Future Tenses (Tenses อนาคต)
1. Future Simple (จะกระทำในอนาคต)
ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
Example: "They will join the meeting tomorrow." → พวกเขาจะเข้าร่วมประชุมพรุ่งนี้
2. Future Continuous (จะกำลังกระทำในอนาคต)
ใช้พูดถึงการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต
Example: "At 8 AM, I will be driving to work." → ตอน 8 โมงเช้าฉันจะกำลังขับรถไปทำงาน
3. Future Perfect (จะเสร็จสิ้นก่อนเวลาในอนาคต)
Example: "By next week, he will have completed the project." → ภายในสัปดาห์หน้าเขาจะทำโปรเจกต์เสร็จ
4. Future Perfect Continuous (จะทำต่อเนื่องจนถึงเวลาในอนาคต)
Example: "Next month, she will have been studying here for two years." → เดือนหน้าเธอจะเรียนที่นี่มาครบสองปี

ตัวอย่างประโยคในชีวิตประจำวัน (Daily Life Sentence Examples)
ใช้ในโรงเรียนและที่ทำงาน
"She submits her report every Friday." → เธอยื่นรายงานทุกวันศุกร์
"He is preparing a presentation now." → เขากำลังเตรียมพรีเซนเทชันตอนนี้
ใช้ในสถานการณ์ทั่วไป
"I have been thinking about our trip." → ฉันคิดเกี่ยวกับทริปของเรามาสักพักแล้ว
"We will be staying in Bangkok next week." → พวกเราจะพักในกรุงเทพสัปดาห์หน้า
ใช้กับเหตุการณ์ในอดีต
"They had already left when I arrived." → พวกเขาออกไปแล้วเมื่อฉันมาถึง
"I was cooking dinner when you called." → ฉันกำลังทำอาหารเย็นตอนเธอโทรมา
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการใช้ Tenses (Common Mistakes in Using Tenses)
การใช้ Tense ผิดเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับผู้เรียนภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะผู้เริ่มต้น การเข้าใจข้อผิดพลาดที่พบบ่อยจะช่วยให้คุณเรียนรู้และพัฒนาได้เร็วขึ้น
การใช้ Present Perfect และ Past Simple สลับกัน
-
ผิด: I have seen that movie yesterday.
(ฉันเคยดูหนังเรื่องนั้นเมื่อวานนี้)
→ Present Perfect ไม่ควรใช้ร่วมกับ "yesterday" ซึ่งเป็นเวลาที่จบไปแล้ว -
ถูก: I saw that movie yesterday.
(ฉันดูหนังเรื่องนั้นเมื่อวานนี้)
การลืมเติม s ใน Present Simple (ประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3)
-
ผิด: He go to school every day.
→ ต้องเติม "s" ที่กริยา -
ถูก: He goes to school every day.
(เขาไปโรงเรียนทุกวัน)
การใช้ Future Tense กับกำหนดเวลาที่ชัดเจนในอดีต
-
ผิด: I will call you at 9 PM last night.
→ ใช้ Future กับเวลาที่ผ่านมาแล้วผิดหลักไวยากรณ์ -
ถูก: I called you at 9 PM last night.
(ฉันโทรหาคุณตอนสามทุ่มเมื่อคืนนี้)
การใช้ Continuous Tense กับกริยาที่ไม่ต่อเนื่อง (Non-continuous Verbs)
-
ผิด: I am knowing the answer.
→ "know" เป็น stative verb ไม่ใช้กับ Continuous Tense -
ถูก: I know the answer.
(ฉันรู้คำตอบ)
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ 12 Tenses ภาษาอังกฤษ (FAQ About English Tenses)
Q: ทำไมต้องเรียนรู้ Tenses ทั้ง 12?
A: การเรียนรู้ Tense ทั้ง 12 จะช่วยให้คุณ:
-
สื่อสารได้แม่นยำทั้งในด้านเวลาและบริบท
-
เข้าใจเนื้อหาในการอ่าน บทสนทนา และฟังภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น
-
เขียนจดหมาย รายงาน หรืออีเมลได้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์
การรู้ Tense ครบทุกแบบจะทำให้เราสื่อสารเป็นธรรมชาติเหมือนเจ้าของภาษา และช่วยให้เข้าใจบทความหรือการพูดที่ซับซ้อนได้
Q: จะรู้ได้อย่างไรว่าควรใช้ Tense ไหน?
A: พิจารณาจาก “เวลา” และ “ลักษณะของการกระทำ” เช่น ดูว่าเหตุการณ์เกิดเมื่อไหร่ และยังมีผลอยู่ไหม ถ้ายังมีผลอยู่ ใช้ Perfect ถ้าจบไปแล้ว ใช้ Past
คำถาม | ใช้ Tense อะไร |
---|---|
เป็นเรื่องปกติ / ความจริงทั่วไป | Present Simple |
กำลังกระทำในขณะพูด | Present Continuous |
เกิดและจบในอดีต | Past Simple |
ยังต่อเนื่องจนถึงตอนนี้ | Present Perfect |
Q: จำ Tense ทั้งหมดได้ยาก ควรทำอย่างไร?
A: การฝึกใช้งานจริง เช่น เขียนประโยค หรือพูดกับตัวเอง จะช่วยให้จดจำได้ดีกว่าการอ่านท่องจำเพียงอย่างเดียว
-
สร้างตารางเปรียบเทียบแต่ละ Tense (ดูได้จากหัวข้อก่อนหน้า)
-
ฝึกเขียนประโยคในชีวิตประจำวันโดยใช้ Tense นั้น ๆ
-
ใช้ Flashcard หรือแอปช่วยจำ
-
ฝึกฟังภาษาอังกฤษจาก YouTube หรือ Podcast แล้วลองจับว่าใช้ Tense ไหน
Q: จำโครงสร้างของแต่ละ Tense อย่างไร?
A: ให้จำโครงสร้างแบบย่อ แล้วนำไปใช้จนเป็นนิสัย เช่น เห็นคำว่า "กำลังกระทำ" ก็นึกถึง Continuous ได้ทันที ทำตารางติดผนังไว้ หรือบันทึกลงมือถือ ใช้คำย่อจำง่าย ๆ เช่น
-
S + V1 = Present Simple
-
S + was/were + V-ing = Past Continuous
-
ที่สำคัญ ควรฝึกทำแบบฝึกหัด Grammar บ่อยๆ จ้า
Q: ถ้าใช้ Tense ผิด จะสื่อสารผิดไหม?
A: บางครั้งอาจสื่อสารได้ แต่ความหมายจะเพี้ยน เช่น
-
I eat now. ❌ → ควรเป็น I am eating now. ✅
(ฉันกินตอนนี้) → ต้องใช้ Continuous เพราะเป็นตอนนี้ -
He was go to school. ❌ → ควรเป็น He went to school. ✅
(เขาไปโรงเรียนเมื่อวาน) → ใช้ Past Simple ไม่ใช้ was go
หากใช้ผิด Tense อาจทำให้คนฟังสับสน โดยเฉพาะเวลาที่เกี่ยวข้องกับการนัดหมาย การเขียนงาน หรือการสอบ
สรุปท้ายบท: เข้าใจ 12 Tenses เพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ
การเข้าใจและใช้งาน 12 Tenses ภาษาอังกฤษ อย่างถูกต้องเป็นพื้นฐานสำคัญในการสื่อสารภาษาอังกฤษให้แม่นยำและเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการพูด เขียน หรือฟัง
-
โครงสร้างและการใช้งาน ที่แตกต่างกันของแต่ละ Tense ช่วยบอกเวลาของการกระทำได้ชัดเจน
-
การใช้ Tense อย่างเหมาะสมช่วยให้คุณสื่อสารได้อย่างมั่นใจและเข้าใจบทสนทนาได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
-
ฝึกฝนผ่าน ตัวอย่างประโยค และ การใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน จะช่วยให้จดจำและใช้ได้คล่องแคล่ว
-
อย่าลืมทบทวนและฝึกใช้ Tenses ผ่านการเขียนและพูดเพื่อพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง
การเรียนรู้ Tenses ไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณมีแผนฝึกฝนที่ชัดเจนและใช้สื่อที่เหมาะสม เช่น ตารางโครงสร้างและตัวอย่างในบทความนี้

Sea