คุณพ่อคุณแม่เคยรู้สึกไหมคะว่าอยากให้ลูกอ่านภาษาอังกฤษได้คล่อง พูดได้ชัด แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน? การเรียน Phonics คือหนึ่งในวิธีที่ง่ายและได้ผลที่สุดในการวางรากฐานภาษาอังกฤษให้กับเด็กๆ เพราะเป็นการสอนให้เขา "ฟังเสียง-เชื่อมเสียง-อ่านคำ" อย่างเป็นระบบ
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ Phonics แบบเข้าใจง่าย พร้อมตารางเสียงออกเสียง คำอ่านแบบไทย และกิจกรรมสนุกๆ ที่สามารถสอนได้ที่บ้าน ไม่ว่าคุณจะมีพื้นฐานภาษาอังกฤษมาก่อนหรือไม่ ก็สามารถสอนลูกได้ในทุกวัน และภายใน 30 วัน เด็กๆ จะเริ่มออกเสียงและอ่านคำศัพท์ได้ด้วยความมั่นใจและสนุกสนานค่ะ

Phonics คืออะไร?
Phonics (โฟนิกส์) คือ วิธีการสอนภาษาอังกฤษโดยให้เด็กเรียนรู้ “เสียงของตัวอักษร” ก่อนจะนำเสียงเหล่านั้นมารวมกันเป็นคำ เช่น
-
ตัวอักษร c ออกเสียง /k/ เช่น cat, car
ตัวอักษร a ออกเสียง /æ/ เช่น cat, apple
Phonics
✅ ช่วยให้เด็ก ถอดรหัสคำศัพท์ ได้เองจากเสียงของตัวอักษร แทนที่จะต้องท่องจำทุกคำ
✅ เหมาะสำหรับเด็กวัย 3-7 ปี หรือผู้เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษ
ทำไม Phonics ถึงสำคัญ?
การเรียน Phonics ตั้งแต่ต้นช่วยให้
-
เด็กอ่านหนังสือได้เร็วขึ้น
-
วางรากฐานที่แข็งแรงสำหรับการสะกดคำ
-
พัฒนาทักษะการฟังเสียงและการออกเสียงให้ชัด
-
ลดการท่องจำคำศัพท์แบบไม่เข้าใจ
เสียงพื้นฐานที่ควรรู้ (Phonemes)
ตารางเสียงพยัญชนะ (Consonant Sounds)
ตัวอักษร | รูปเสียง | ออกเสียงว่า (ภาษาไทย) | คำตัวอย่าง | อ่านว่า | คำแปล |
---|---|---|---|---|---|
B | /b/ | เบอะ | bat | แบ็ท | ค้างคาว |
C | /k/ | เคอะ | cat | แค็ท | แมว |
D | /d/ | เดอะ | dog | ด็อก | สุนัข |
F | /f/ | เฟอะ | fish | ฟิช | ปลา |
G | /g/ | เกอะ | goat | โกท | แพะ |
H | /h/ | เฮอะ | hat | แฮ็ท | หมวก |
J | /ʤ/ | เจอะ | jam | แจม | แยม |
K | /k/ | เคอะ | kite | ไคท์ | ว่าว |
L | /l/ | เลอะ | leg | เล็ก | ขา |
M | /m/ | เมอะ | man | แมน | ผู้ชาย |
N | /n/ | เนอะ | net | เน็ท | ตาข่าย |
P | /p/ | เพอะ | pen | เพ็น | ปากกา |
Q | /kw/ | ควอะ | queen | ควีน | ราชินี |
R | /r/ | เรอะ | rat | แร็ท | หนู |
S | /s/ | เซอะ | sun | ซัน | ดวงอาทิตย์ |
T | /t/ | เทอะ | top | ท็อป | ลูกข่าง |
V | /v/ | เวอะ | van | แวน | รถตู้ |
W | /w/ | เวอะ | wig | วิก | วิกผม |
X | /ks/ | คส | box | บ็อกซ | กล่อง |
Y | /j/ | เยอะ | yes | เยส | ใช่ |
Z | /z/ | เซอะ | zip | ซิพ | ซิป |
ตารางเสียงสระแบบสั้น (Short Vowel Sounds)
ตัวอักษร | รูปเสียง | ออกเสียงว่า (ภาษาไทย) | คำตัวอย่าง | อ่านว่า | คำแปล |
---|---|---|---|---|---|
A | /æ/ | แอ | cat | แค็ท | แมว |
E | /e/ | เอ | bed | เบ็ด | เตียง |
I | /ɪ/ | อิ | sit | ซิท | นั่ง |
O | /ɒ/ | ออ | dog | ด็อก | สุนัข |
U | /ʌ/ | อะ | cup | คัพ | ถ้วย |
แนะนำ : สระมักเป็นจุดที่เด็กสับสน ควรฝึกบ่อยและมีเกมประกอบ
ตารางเสียงสระยาว (Long Vowel Sounds)
ตัวอักษร | รูปเสียง | ออกเสียงว่า (ภาษาไทย) | คำตัวอย่าง | อ่านว่า | คำแปล |
---|---|---|---|---|---|
A | /eɪ/ | เอ | cake | เคค | เค้ก |
E | /iː/ | อี | me | มี | ฉัน |
I | /aɪ/ | ไอ | bike | ไบค์ | จักรยาน |
O | /əʊ/ (UK) /oʊ/ (US) | โอ | nose | โนส | จมูก |
U | /juː/ | ยู | cube | คิวบ์ | ลูกบาศก์ |
หมายเหตุ : เสียงสระยาวมักเกิดจากการผสมสระ 2 ตัว (เช่น "a + e" → cake) หรือมีการสะกดเฉพาะ (เช่น "magic e")

ตารางเสียงผสม (Phonics Digraphs)
เสียงพยัญชนะผสม (Consonant Digraphs
เสียงผสม | รูปเสียง | ออกเสียงว่า (ภาษาไทย) | คำตัวอย่าง | อ่านว่า | คำแปล |
---|---|---|---|---|---|
sh | /ʃ/ | ช | ship | ชิพ | เรือ |
ch | /ʧ/ | ช | chair | แชร | เก้าอี้ |
th | /θ/ | ธ (ลิ้นแตะฟัน) | thumb | ธัม | นิ้วหัวแม่มือ |
th (voiced) | /ð/ | ด (เสียงเบา) | that | แดท | นั่น |
wh | /w/ | ว | wheel | วีล | ล้อ |
ph | /f/ | ฟ | phone | โฟน | โทรศัพท์ |
ng | /ŋ/ | ง | sing | ซิง | ร้องเพลง |
เสียงสระผสม (Vowel Digraphs)
เสียงผสม | รูปเสียง | ออกเสียงว่า (ภาษาไทย) | คำตัวอย่าง | อ่านว่า | คำแปล |
---|---|---|---|---|---|
ai | /eɪ/ | เอ | rain | เรน | ฝน |
ee | /iː/ | อี | see | ซี | เห็น |
oa | /əʊ/ (UK) /oʊ/ (US) | โอ | boat | โบท | เรือ |
oo | /uː/ | อู | moon | มูน | พระจันทร์ |
ou | /aʊ/ | เอา | out | เอาท์ | ข้างนอก |
ow | /aʊ/ หรือ /əʊ/ | เอา หรือ โอ | cow, snow | คาว, สโนว์ | วัว, หิมะ |
ea | /iː/ หรือ /ɛ/ | อี หรือ เอ | eat, head | อีท, เฮด | กิน, หัว |
เทคนิคการสอน Phonics แบบแม่ก็สอนได้
1. ฟัง – พูด – เชื่อมเสียง
เริ่มจากฝึกฟังเสียงของตัวอักษรแต่ละตัว เช่น
- เปิดเสียง /k/ /æ/ /t/ แล้วถามลูกว่า “ได้ยินคำว่าอะไร?”
- เฉลยพร้อมกัน “cat” แล้วฝึกพูดตาม
2. เกมจับคู่เสียงสนุก ๆ
กิจกรรม | วิธีเล่น |
---|---|
จับคู่เสียง | ให้ลูกจับคู่บัตรเสียงกับภาพ เช่น /sh/ → shoe |
บัตร Phonics | ใช้บัตรภาพ + เสียง เช่น /ch/ – cheese, /th/ – thumb |
คำ | ฟังเสียงแล้วให้เด็กประกอบคำ เช่น /d/ + /o/ + /g/ → dog |
ตัวอย่างการฝึก 10 นาทีต่อวัน
วันจันทร์: ฝึกเสียง p, b, t
วันอังคาร: ฝึก a, e, i
วันพุธ: ฟังคลิปสั้นแล้วสะกดคำ
วันพฤหัส: เล่นเกม flashcards
วันศุกร์: อ่านคำง่าย ๆ จากนิทาน Phonics
วันเสาร์-อาทิตย์: ทบทนและชมการ์ตูนภาษาอังกฤษที่เน้นเสียง เช่น Alphablocks
❓ คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
Q: เริ่มสอน Phonics ตั้งแต่กี่ขวบดี?
A: เริ่มได้ตั้งแต่อายุ 3-5 ปี เด็กจะจำเสียงได้ดีและเรียนรู้ไว
Q: ถ้าผู้ใหญ่ไม่เก่งภาษาอังกฤษ จะสอนได้ไหม?
A: ได้แน่นอน! เริ่มจากเสียงง่าย ๆ และใช้คลิปจาก YouTube ช่วยได้มาก
Q: Phonics กับ Sight Words อะไรสำคัญกว่ากัน?
A: แนะนำให้เริ่มจาก Phonics เพราะช่วยให้ถอดรหัสคำได้ ส่วน Sight Words ควรเรียนควบคู่กันหลังจากนั้น
สรุป: แม่มือใหม่ก็สอนลูกได้ ถ้ารู้วิธี!
การสอน Phonics ไม่ใช่เรื่องยาก หากมีแนวทางที่เหมาะสมและทำให้ลูกสนุกกับการเรียนรู้
สิ่งสำคัญคือ:
-
ฝึกออกเสียงให้ชัด
-
ใช้เกม บัตรภาพ และเพลงประกอบ
-
สร้างกิจวัตรประจำวันในการเรียนรู้
ใช้เวลาแค่วันละ 10-15 นาที ก็ช่วยให้ลูกเริ่มอ่านออกและรักภาษาอังกฤษได้ใน 30 วัน!

Sea